นนทบุรี งามไส้! จนท.สธ. ร้องถูกเพื่อนร่วมงานปลอมลายเซ็นเบิกเงิน ซ้ำร้ายถูกหัวหน้างานกลั่นแกล้ง ด่าทอ หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม
Screenshot
นนทบุรี งามไส้! จนท.สธ. ร้องถูกเพื่อนร่วมงานปลอมลายเซ็นเบิกเงิน ซ้ำร้ายถูกหัวหน้างานกลั่นแกล้ง ด่าทอ หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม
เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 68
น.ส.พลอย (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี นักวิชาการสาธารณสุขฯ ได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ ร้องขอความเป็นธรรมกับ ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ “ดร.แก้ว” ผู้ก่อตั้งเพจ “ดร.แก้วช่วยได้” หลังพบว่าถูกปลอมแปลงลายเซ็นในเอกสารเบิกเงินค่าเบี้ยเลี้ยง และค่าพาหนะ จากการปฏิบัติงานโครงการ แต่กลับไม่ได้รับเงิน เมื่อทวงถามผู้รับผิดชอบกลับบ่ายเบี่ยง มิหนำซ้ำยังถูกหัวหน้าด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายในไลน์กลุ่มที่ทำงาน ซึ่งมีบุคลากรในหน่วยงานอยู่หลายคน นอกจากนี้ยังกลั่นแกล้งด้วยการไม่มอบหมายงานให้รับผิดชอบ ทำให้ตนเองเกิดความเครียด และหวั่นมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานในอนาคตด้วย น.ส.พลอย (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยปฏิบัติงานในหน่วยงานเล็กๆ ซึ่งมีบุคลากรในหน่วยงานอยู่ประมาณ 4-5 คน เมื่อวันที่ 9-10 ก.ย. ที่ผ่านมา หน่วยงานของตนมีการจัดโครงการที่เมืองทองธานี ซึ่งจะมีค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าพาหนะที่ต้องได้รับ หลังจบการจัดโครงการ ตนได้มีการทวงถามกับผู้รับผิดชอบโครงการหลายครั้งว่าจะได้รับเงินในส่วนนี้เมื่อไหร่ โดยผู้รับผิดชอบโครงการแจ้งว่าให้ตนเซ็นเอกสารที่ฝ่ายการเงินให้เรียบร้อยจึงจะโอนเงินให้ แต่ภายหลังข้ามปีงบประมาณ เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา ตนกลับพบว่ามีเอกสารการเซ็นชื่อรับเงินไปแล้ว โดยที่ตนนั้นไม่ได้เป็นคนเซ็นเอกสารและไม่ได้รับเงินดังกล่าวเลยตนจึงมาสอบถามกับผู้รับผิดชอบโครงการอีกครั้งแต่กลับบ่ายเบี่ยง และอ้างว่าหัวหน้างานยังไม่ให้โอนเงินให้ เพราะต้องการให้ตนนั้นนำเงินที่ได้ค่าอาหารส่วนตัวจากรุ่นพี่ที่เคยร่วมงานกัน จำนวนเงิน 1,000 บาท ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเงินโครงการ หรือเงินใดๆของทางราชการทั้งสิ้น โดยเงินจำนวนนี้ตนไม่ได้รับเพียงคนเดียว ยังมีรุ่นน้องในหน่วยงานได้รับเงินอีกด้วย แต่หัวหน้างานต้องการให้นำเงินส่วนนี้ไปรวมกับเงินของโครงการ ซึ่งจะให้ตนโอนเงินไปให้กับลูกจ้างที่เป็นรุ่นน้องในหน่วยงานเดียวกัน อ้างว่าเป็นผู้ทำบัญชี ตนรู้สึกผิดปกติจึงสอบถามถึงบัญชีดังกล่าว แต่ไม่ได้รับการตอบรับ ตอนนั้นได้แต้รู้สึกงงว่าเงินจำนวน 1,000 บาทนี้ เกี่ยวข้องกับเงินโครงการได้อย่างไร
ตนจึงแจ้งกับหัวหน้างานว่าถ้าหากไม่ให้เงินค่าเบี้ยเลี้ยง และค่าพาหนะกับตนให้ตัดรายชื่อของตนออก ซึ่งตนจะขอไม่รับเงินใดๆทั้งสิ้น รวมถึงจะรายงานเรื่องนี้ถึงผู้บริหารของกระทรวงฯ หลังจากนั้นหัวหน้างานจึงรีบโอนเงินค่าเบี้ยเลี้ยง รวมทั้งค่าพาหนะมาให้ตนทันที และด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายในไลน์กลุ่ม ข่มขู่จะทำหนังสือว่าตนนั้นทำผิดระเบียบ ทำให้ตนได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง และกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ต่อมา ลูกจ้างที่เป็นรุ่นน้องในหน่วยงานเดียวกันจึงบอกให้ตนไปชี้แจงกับฝ่ายการเงินหากไม่ต้องการรับเงินเพราะส่งเอกสารไปหมดแล้ว และตัดชื่อของตนออกพร้อมทำเอกสารขึ้นมาใหม่ ซึ่งไม่ใช่เอกสารตัวจริงและไม่ทราบว่าเอกสารตัวจริงอยู่ที่ไหน ตนจึงตัดสินใจติดต่อฝ่ายการเงินเองและได้โอนเงินทั้งหมดคืน พร้อมแจ้งว่าไม่ขอรับเงินจำนวนนี้เนื่องจากเห็นถึงความไม่ปกติ หลังจากนั้นทำให้สถานการณ์ในการทำงานตึงเครียด ตนรู้สึกกดดัน และอึดอัดในการทำงานร่วมกันอย่างมาก
วันนี้ตนจึงมาร้องดร.แก้ว เพราะอยากได้รับความเป็นธรรมเรื่องการทุจริตในหน่วยงาน การปลอมแปลงลายเซ็นในเอกสารเบิกเงินค่าเบี้ยเลี้ยง และค่าพาหนะ รวมถึงเรื่องที่ตนนั้นถูกหัวหน้างานดูหมิ่น และด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายในไลน์กลุ่มที่ทำงาน ซึ่งมีบุคลากรในหน่วยงานอยู่หลายคน นอกจากนี้ยังกลั่นแกล้งด้วยการไม่มอบหมายงานให้รับผิดชอบ ทำให้ตนเกิดความเครียด รู้สึกอึดอัดใจต่อการทำงานร่วมกัน สาเหตุเพียงเพราะตนทวงถามสิทธิ์ของตนที่ควรจะได้รับ และหวั่นมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานในอนาคต
ด้าน ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ “ดร.แก้ว” กล่าวว่า ตนได้พบกับน้องผู้เสียหายซึ่งเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มาร้องเรียนเรื่องการทุจริตภายในองค์กร การหมิ่นประมาท ถูกรังแก และข่มเหงจิตใจ หลายๆเรื่อง อาจจะดูเหมือนเรื่องเล็กน้อยกับการทุจริตเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเพียงหลักร้อยบาท แต่หลักฐานที่ผู้เสียหายมีค่อนข้างชัดเจน ตนอยากกราบเรียนท่านพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่องนี้อาจจะเล็กนิดเดียว แต่ข้าราชการ 1 คน ในหน่วยเล็กๆที่มีเจ้าหน้าที่เพียง 4-5 คน ยังมีการทุจริตอย่างโจ่งแจ้ง การปลอมแปลงลายเซ็น และหลักฐานต่างๆที่น่าเชื่อถือว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง โดยผู้เสียหายมีการแจ้งความเรื่องการปลอมแปลงลายเซ็น และการหมิ่นประมาทฯ ซึ่งผิดกฎหมายชัดเจน หลังจากนี้ตนจะพาผู้เสียหายไปยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อรับเรื่องและดำเนินการตามกระบวนการภายในไม่เกิน 30 วัน หากไม่ดำเนินการตนจะใช้สิทธิ์ยื่นตรวจสอบกับ ป.ป.ช. ต่อไป

สำนักพิมพ์ข่าวเป็นข่าวดอทคอม
เอกชัย รัตนโยธิน
รับรู้เรื่องราวข่าวสารเพื่อสังคม
