สถานการณ์ไฟป่าจังหวัดอุตรดิตถ์ เริ่มรุนแรงขึ้นจนชาวบ้านร้องสื่อกลัวไฟป่าลามเข้าที่ทำกินและที่อยู่อาศัยแต่ยังไม่เห็นหน่วยงานใดออกมาขับเคลื่อนอย่างจริงจังโดยเฉพาะในพื้นที่ป่า

สถานการณ์ไฟป่าจังหวัดอุตรดิตถ์ เริ่มรุนแรงขึ้นจนชาวบ้านร้องสื่อกลัวไฟป่าลามเข้าที่ทำกินและที่อยู่อาศัยแต่ยังไม่เห็นหน่วยงานใดออกมาขับเคลื่อนอย่างจริงจังโดยเฉพาะในพื้นที่ป่า
เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นพิษpm 2.5 รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุด เกิดเหตุการณ์ไฟป่าลุกลามที่ อำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ ช่วงหัวค่ำของคืนวันที่ 29 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา จนชาวบ้านเป็นกังวลกลัวไฟป่าจะลามเข้าในพื้นที่ทำกิน และ บ้านเรือนที่อาศัยอยู่ของราษฎร ที่สำคัญเวลาเกิดเหตุไม่เห็นมีหน่วยงานราชการใดเข้าไปดำเนินการโดยเฉพาะพื้นที่ของป่าไม้และที่สำคัญก็ไม่รู้ที่จะแจ้งหน่วยงานใดเบอร์โทรอะไรโดยไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านได้รับรู้เลยทั้ง ๆ ที่เป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล ศูนย์บัญชาการดับไฟป่า อยู่ที่ไหนหน่วยงานใดรับผิดชอบสั่งการในสถานการณ์ดังกล่าวอย่างไรก็ตาม ชาวบ้านจึงอยากฝากไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดหวัดอุตรดิตถ์ และ หน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าไม้ ปัจจุบันจังหวัดอุตรดิตถ์ ยังไม่มีหน่วยงานไหนออกมาขับเคลื่อนอย่างจริงจังให้เป็นรูปธรรมโดยเฉพาะไฟป่าที่เกิดขึ้นในเขตป่าสงวนและป่าอนุรักษ์ ฯ เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันโดยเฉพาะกลางคืนจะเห็นแนวไฟตามยอดดอยชัดเจนมาก แต่ไม่เห็นเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการดับไฟป่าเลย ด้าน
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้มอบนโยบายและข้อสั่งการในการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ดังนี้ 1. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด สั่งการหน่วยงานดำเนินการทุกมาตรการอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ และพิจารณาออกประกาศกำหนดการควบคุมการเผาล่วงหน้า และบังคับใช้กฎหมายในการห้ามเผาอย่างจริงจัง เคร่งครัด และเด็ดขาด 2. ยกระดับมาตรการป้องกันปราบปรามเพื่อควบคุมการเผาในพื้นที่อย่างจริงจัง ใช้กลไกท้องถิ่นและท้องที่ลงพื้นที่รวบรวมข้อมูลและจัดทำบัญชีผู้มีพฤติกรรมการเผา ร่วมกันสอดส่อง ป้องปราม ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น หากพบการเผาในพื้นที่ให้ดำเนินการยับยั้งการเผาในทันที กรณีพบการเผาในพื้นที่ป่าให้พิจารณาปิดปากสงวนแห่งชาติ 3. ยกระดับมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ช่วยออกหน่วยบริการให้คำแนะนำข้อปฏิบัติในการป้องกันตนเอง จัดหาอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก จัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) ห้องปลอดฝุ่น คลินิกมลพิษ ไว้บริการประชาชน เป็นต้น หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงต่อเนื่องให้พิจารณาประกาศใช้มาตรการ Work From Home อย่างจริงจัง 4. ยกระดับความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ในการระดมสัพพะกำลังเจ้าหน้าที่ ยุทโธปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย และทรัพยากรอื่นๆให้พร้อมสนับสนุนในการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ กรณีมีความจำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนทรัพยากรในการปฏิบัติงานในพื้นที่ให้เร่งดำเนินการโดยเร็ว และ 5. กรณีสถานการณ์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหรือเกินข้างมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการจังหวัดใช้ระบบบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน ยกระดับการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ให้ฝนบัญชาการเหตุการณ์จังหวัดประสานบูรณาการทรัพยากรร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วนในพื้นที่.
#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย(สภาท.๖๐ปี)
#นสพ.ข่าวเป็นข่าวดอทคอมเอกชัยรายงาน
#ติดต่อโฆษณากดแชร์กดติดตามไอดีLINEeakkachai001
โทร0894981477